Monday, 27 March 2023

รีวิวหนัง “Avatar: The Way of Water” วารีคู่กับเจมส์เป็น 3 ชั่วโมง เลอค่าที่คอยมา 13 ปี

และแล้วก็มาถึงคิวของหนังที่มีแฟนๆและก็คอหนังคงจะตั้งตารอกันอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ การกลับมาสืบต่อการเดินทางของจักรวาลแพนดอร่าอีกรอบ กับปรมาจารย์นักสร้างภาพยนตร์ชั้นครูกลับมาเอง เนรมิตสร้างออกมาเป็นภาคต่ออันแสนเลอค่า ” Avatar : The Way of Water – อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ “ งานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ล้ำลึกที่กลับมาอยู่ในมือของผู้ที่คู่ควร ด้วยเหตุนั้นนี่ก็เลยกลายเป็นที่คุ้มกับการคอยมา 13 ปีจริงๆ

Avatar : The Way of Water เล่าเรื่องราวต่อจากภาคต้นฉบับ กับอีกยาวนานหลายปีถัดมา เจค ซัลลี ได้ก่อร่างสร้างครอบครัวของเขาเองอย่างสงบสุขบนดาวแพนดอร่า แต่ว่าปรากฏว่าครอบครัวของซัลลี จำเป็นต้องมาเผชิญหน้าอีกรอบกับปัญหาที่ย้อนกลับตามมาประชิด เมื่อพวกเขามุ่งหน้าขจัดปัญหาที่จะเป็นภัยคุกคามเพื่ออยู่รอด และก็ปกป้องกันและกันให้ปลอดภัยจากอันตราย ภายหลังโศกนาฎกรรมที่พวกเขาจำเป็นต้องก้าวผ่านมันมาด้วยกัน

เพราะชื่อของ “เจมส์ คาเมรอน” จะออกผลงานมานานๆครั้ง แม้กระนั้นออกมาทีไรก็จะต้องยกระดับและก็มาตรฐานให้กับแวดวงหนังทุกหน และก็แน่ๆว่าในคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เจมส์ คาเมรอน ยังคงรู้จักแนวทางและก็จังหวะสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานได้ระดับเทพสร้าง เขาทราบดีว่าจะต้องทำอะไร และก็จำเป็นต้องทำแบบไหนที่ผู้ชมต้องการบริโภค ทั้งผลงานในทุกๆรายละเอียดที่เขาประดิษฐ์ออกมานั้น ก็ไม่อาจจะจะสบประมาทอะไรอะไรก็ตามได้เลย เพราะทุกอย่างเต็มไปด้วยความปราณีต

Avatar The Way of Water

อาจจะกล่าวได้เลยว่า Avatar : The Way of Water เป็นสุดยอดภาพยนตร์ฮอลลิวูดอีกเรื่องในรอบทศวรรษเลยอย่างยิ่งจริงๆ

เพราะจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีประสบการณ์นั่งดูหนังแล้วรู้สึกว้าวและก็ตระการอะไรแบบนี้ นานสักเพียงใดแล้ว หนังเรื่องนี้สามารถเรียกย้อนบรรยากาศเหล่านั้นกลับมาได้อย่างอิ่มเอม คือเพียงแค่ตีตั๋วมานั่งดูงานสร้างของหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะเลย ก็พูดได้ว่าคุ้มตั๋วไปเรียบร้อยแล้ว

Avatar:The Way of Water เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษอันแพรวพราว ด้วยความสามารถของนักสร้างสรรค์ที่ถนัด และก็ชำนาญกับงานด้านนี้โดยยิ่งไปกว่านั้น ทำให้ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ต้องการที่จะอยากลุกไปไหน อาการปวดปัสสาวะไม่เกินระหว่างทาง บางทีอาจเพราะกลัวจะพลาดช็อตเด็ดๆ และก็สวยสดงดงาม ของหนังเรื่องนี้ ที่อัดแน่นเต็มหน้าจอ ทั้ง 190 นาทีของหนังก็ว่าได้

แน่ๆว่าเทคนิคงานสร้าง ของหนังเรื่องนี้ น่าจะต้องให้คะแนน 100 เต็ม 10 อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกองค์ประกอบงานสร้าง ของหนังเรื่องนี้ คือความดีงามที่มาอุดรอยรั่วต่างๆของหนังได้อย่างสมูบรณ์แบบ สิ่งที่คุณเห็นในตัวอย่างหนังนั้น เป็นแค่เพียงเสี้ยวเล็กๆเท่านั้น เพราะเนื้อในนั้นจะพาผู้ชมออกไปสำรวจอีกมุมของดาวแพนดอร่า ทั้งยังน่าตื่นตา และก็ตื่นใจไปพร้อมๆกัน จำเป็นต้องลุกขึ้นปรบมือ ให้กับทีมดีไซน์เทคนิคพิเศษให้กับหนังเรื่องนี้ เพราะ นี่เป็นหนังที่ทำให้พวกเราน้ำตาปริ่มได้ กระทั่งฟองออกอากาศในน้ำลอยผ่านหน้าไปบนหน้าจอ

แต่ว่าเดี๋ยวจะหาว่า อวยหนังAvatar:The Way of Water เหลือเกิน เพราะจริงๆหนังก็ยังมีช่องโหว่ และก็รอยรั่ว ปะปนอยู่บ้าง ด้วยเหมือนกัน โดยยิ่งไปกว่านั้น โครงเรื่อง และก็บทหนังที่ค่อนจะเพลย์เซฟไปสักนิดสักหน่อย มาด้วยพล็อตหนังแบบง่ายๆธรรมดาๆ ที่ผู้ชมคงจะคาดคะเนได้อย่างไม่ยากเย็น แม้กระนั้นเส้นเรื่องของหนัง ก็แข็งแรง และก็หนักแน่นดี ตลอดทั้งเรื่อง และก็เมื่อมาได้ความอลังการของงานสร้างนี่แหละ ที่มาช่วยอุดปะรอยรั่วตรงนี้ให้เรียบเนียน และก็มาข้ามไปได้อย่างอรรถรสอย่างยิ่งจริงๆ

โดยจะว่าไปแล้วAvatar: The Way of Water คงจะถูกปรับสัดส่วน ให้เปลี่ยนมาเป็นหนังที่มีส่วนผสมของความเป็นหนังครอบครัว และก็หนังวัยรุ่น สไตล์ coming of age มากเพิ่มขึ้นหน่อยๆ เพราะด้วยตัวละครที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเป็นการดำเนินเรื่องด้วยการผจญภัยในดินแดนใหม่ๆ ที่น่าตื่นตา ทำให้ผู้ชมได้มีโอกาสสัมผัสได้แล้วว่า ดาวแพนดอร่าดวงนี้ค่อนข้างจะกว้างขวาง และก็นี่ก็คือ เป็นเพียงแค่ส่วนเดียว ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนดาวดวงนี้เท่านั้น

ทางด้านการแสดง ก็จำเป็นต้องบอกว่าวางใจได้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคาแรกเตอร์ที่เป็นมนุษย์เยอะมากสักเท่าไหร่ ในเรื่องนี้ แต่ว่าพวกเขา ทุกผู้แสดง ก็คือผู้แสดงปกติที่มาแสดงบทบาทนั่นแหละ พวกเขาถ่ายทอดออกมาได้ดี จนกระทั่งบางทีก็หลงลืมไป ถึงว่าเป็นอวตารตัวจริง “แซม เวิร์ธธิงตัน”, “โซอี ซัลดานา” หรือ “สตีเฟน แลงก์” ถือว่าทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างแจ่มแจ้งดีอีกรอบ

เวลาที่ ทีมผู้แสดงสมทบ ที่เพิ่งจะเข้ามาเสริมในภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น “เคต วินสเลต” หรือ “คลิฟฟ์ เคอร์ติส” ถือว่าเป็นการส่งเสริมองค์ประกอบการแสดงที่ค่อนข้างจะน่าประทับใจ และก็ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือเหล่าผู้แสดงเจนใหม่ “เจมี่ แฟลตเตอร์ส”, “บริเตียน ดอลตัน”, “แจ็ค แชมป์เปียน” หรือ “เบลีย์ บาส” นับว่าเป็นส่วนเสริมที่มาช่วยเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับหนังภาคนี้ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้ดีด้วย

อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ

ยิ่งไปกว่านี้ เชื่อว่าผู้ชมคงจะสัมผัสได้ถึงสารข้อความ บางอย่างที่ เจมส์ คาเมรอน พยายามสื่อสารออกมาในหนังเรื่องนี้

Avatar:The Way of Water ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตตามมาวิถีดั้งเดิมของชนเผ่า หรือจะเป็นสะท้อนปัญหา การรุกรานระบบนิเวศ ของเผ่าพันธุ์สัตว์น้ำ ที่หนังนี้ได้หยิบใส่ประเด็นพวกนี้ลงไปเป็นข้อความที่ค่อนข้างจะชัดเจน และก็อย่างน้อยๆ ก็ยังคงแสดงให้เห็นอีกเหมือนปกติว่า มนุษย์ ในสายตาจากสิ่งมีชีวิตอื่น ก็ถูกมองไม่ต่างไปจากผู้รุกราน และก็ผู้ทำลายดีๆนี่เอง

ด้วยเหตุนั้นอาจจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าAvatar:The Way of Water เป็นอีกหนึ่งหนังที่สุดยอดที่สุดในรอบปีนี้ ยอดเยี่ยมแทบทุกๆด้านของหนังที่ร้อยเรียงออกมา เป็นการกลับมาที่คุ้มกับการรอคอย ทั้งยังเป็นกำไรให้กับผู้ชมเป็นอย่างดี ที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ดูหนังที่อิ่มเอมใจไปตลอดทั้ง 3 ชั่วโมงเต็ม เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบ ก็คงจะเต็มไปด้วยความประทับใจ พร้อมทั้งฉุกคิดขึ้นได้ว่า น้ำ กับ เจมส์ คาเมรอน ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่จะมาอยู่คู่กันอีกจริงๆ

และก็ที่สำคัญมากๆ หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การดูบนจอยักษ์ไอแม็กซ์เป็นที่สุด!

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Avatar:The Way of Water

ประเภท : แอคชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
ผู้กำกับ : เจมส์ คาเมรอน
แสดงนำโดย : แซม เวิร์ธธิงตัน, โซอี ซัลดานา, ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์
ความยาว : 192 นาที
ระบุฉายในไทย : 14 ธันวาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)